ปัสสาวะมีกลิ่นฉุน กลิ่นแสบ กลิ่นแรง หรือปัสสาวะมีกลิ่นแปลกไปจากทุกวัน ย่อมเป็นเรื่องที่ทำให้คุณไม่สบายใจได้แน่นอน เพราะเราต่างทราบดีว่า กลิ่นปัสสาวะปกติเป็นเช่นไร ดังนั้นหากมีกลิ่นแตกต่างไปจากเดิม นั่นย่อมสะท้อนถึงปัญหาสุขภาพแน่นอน
1. ทำไมบางครั้ง ปัสสาวะมีกลิ่นฉุนแบบผิดปกติ ?
ปัสสาวะกลิ่นฉุน เป็นกลิ่นผิดปกติที่อาจเคยเกิดกับใครหลายคน โดยทั่วไปหากกล่าวถึงกลิ่นฉุน เรามักจะหมายถึงกลิ่นเหม็นแสบ คล้ายแอมโมเนีย (Ammonia-like Odor) ที่เอาไว้สำหรับดมแก้วิงเวียน แก้หน้ามืดเป็นลม แต่บางครั้งก็อาจหมายรวมถึง กลิ่นเหม็นแบบอื่นที่ทำให้รู้สึกฉุนได้เช่นกัน
ขอบคุณรูปภาพจาก www.nagwa.com
แล้วกลิ่นปัสสาวะบอกอะไรได้บ้าง ? เมื่อเรากินโปรตีนเข้าไป ร่างกายจะทำการย่อยให้เป็นกรดอะมิโน (Amino Acids) จนได้แอมโมเนียออกมาส่วนหนึ่ง จากนั้นสารชนิดนี้จะถูกส่งต่อไปที่ตับ เพื่อเปลี่ยนรูปเป็นยูเรีย (Urea) สุดท้ายยูเรียซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของกลิ่นฉุน จะถูกส่งไปที่ไต แล้วขับออกทางน้ำปัสสาวะ ดังนั้นหากมีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นในกระบวนการ จนทำให้ยูเรียเข้มข้นขึ้น ย่อมส่งผลให้เกิดกลิ่นฉุนมากกว่าปกติแน่นอน
2. ถ้าฉี่มีกลิ่นฉุน กลิ่นแรงผิดปกติ เสี่ยงเป็นโรคจริงหรือไม่ ?
การที่น้ำปัสสาวะมีกลิ่นแสบ หรือมีกลิ่นฉุนผิดปกตินั้น อาจเกิดจากปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ในขณะที่ระบบสมดุลสารเคมีในร่างกายยังปรับตัวไม่ทัน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น หรืออาจเป็นภาวะผิดปกติถาวร ซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคบางชนิด เพราะฉะนั้นการที่ปัสสาวะส่งกลิ่นฉุน ก็อาจจะเพิ่ม หรือไม่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคก็ได้
3. สาเหตุของปัสสาวะมีกลิ่นแสบ กลิ่นฉุน
3.1 ร่างกายขาดน้ำ
ถ้าร่างกายมีภาวะขาดน้ำจากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม เช่น ดื่มน้ำน้อย, ปัสสาวะมาก, ท้องเสีย, อาเจียนมาก จะทำให้ความเข้มข้นของเลือด และปัสสาวะสูงขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือระดับยูเรียจะสูงขึ้นด้วย ดังนั้นหากถามว่า กลิ่นปัสสาวะบอกอะไรได้บ้าง ? ที่พบบ่อยที่สุด ก็คงเป็นภาวะขาดน้ำนี่เอง
3.2 ออกกำลังกายหนัก
ยิ่งออกกำลังกายหนักเท่าไหร่ ร่างกายก็จะยิ่งเผาผลาญเพิ่มขึ้นเท่านั้น และยังจะสลายกล้ามเนื้อลายออกมาใช้มากขึ้นด้วย ผลข้างเคียงที่ได้คือ ทำให้ระดับแอมโมเนียในเลือดสูงขึ้น และระดับยูเรียในปัสสาวะก็จะสูงขึ้นตาม จึงทำให้ฉี่ฉุนขึ้นแน่นอน
3.3 อาหารที่มีโปรตีนสูง
จากกระบวนการย่อยสลายโปรตีน ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น จะพบว่า การกินอาหารที่มีโปรตีนสูง หรือการโหลดโปรตีนที่มากเกินกว่าปกติ ย่อมส่งผลให้เกิดการสร้างแอมโมเนียในเลือด และยูเรียในตับเพิ่มขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้ว ยูเรียที่สร้างขึ้นจะถูกส่งมาที่ไต จนทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นฉุนมากขึ้นนั่นเอง
3.4 เครื่องดื่มบางชนิด
เครื่องดื่มหลายชนิดมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ เช่น เครื่องดื่มยอดนิยมอย่างกาแฟ ที่มีกรดอะมิโนหลายชนิดผสมอยู่รวมกัน เมื่อเกิดการย่อยสลาย จะได้ผลิตภัณฑ์สุดท้ายเป็นยูเรีย นอกจากนี้การดื่มกาแฟปริมาณมาก จะทำให้เกิดการขับปัสสาวะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยูเรียเข้มข้นขึ้น จนฉี่มีกลิ่นฉุนขึ้นได้เลย
3.5 ยาและวิตามินบางตัว
ยาปฏิชีวนะบางชนิด, ยาซัลฟา (Sulfonamide), วิตามินบี สามารถทำให้ปัสสาวะฉุนขึ้น หรือมีกลิ่นผิดปกติได้ และยังอาจทำให้สีปัสสาวะผิดปกติด้วย
3.6 ตับทำงานบกพร่อง
ตับคือโรงงานกำจัดของเสีย และสารพิษที่สำคัญของร่างกาย เมื่อไหร่ก็ตามที่ตับทำงานบกพร่อง หรือสูญเสียฟังก์ชันบางอย่าง จากสาเหตุที่พบบ่อย เช่น ตับแข็ง, ไขมันพอกตับ, ไวรัสตับอักเสบบี, มะเร็งตับ จะส่งผลกระทบต่อสมดุลยูเรีย จนทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นฉุนขึ้นกว่าเดิม
3.7 นิ่วในทางเดินปัสสาวะ
นิ่วในไต, นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ, นิ่วในท่อปัสสาวะ เกิดจากการรวมตัวของผลึกแร่ธาตุ ที่ถูกกรองออกทางไต และสะสมไว้มากเกินไปในร่างกาย ซึ่งนอกจากจะทำให้ปัสสาวะขัด, ปัสสาวะไม่สุด, ปัสสาวะไม่ออก, ปัสสาวะเป็นเลือดแล้ว บางครั้งยังทำให้ปัสสาวะฉุนได้อีกด้วย
3.8 ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ, ท่อปัสสาวะอักเสบ, กรวยไตอักเสบ รวมไปถึงต่อมลูกหมากอักเสบ อาจทำให้ฉี่มีกลิ่นฉุน, เหม็นเน่า, เหม็นคาวปลา รวมถึงยังทำให้มีไข้, ปวดหลัง, ปวดหน่วงท้องน้อย, ปัสสาวะเล็ด, ปัสสาวะบ่อย, ปัสสาวะขุ่น และปัสสาวะแสบขัด
3.9 มีปัญหาไตวาย
หากไตทั้งสองข้าง หรือข้างหนึ่งข้างใดทำงานบกพร่อง หรือมีปัญหาไตวาย จะทำให้ประสิทธิภาพในการปรับสมดุลกรด – ด่างลดลง และยังทำให้ความสามารถในการกรองของเสียลดลงด้วย ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้มีกลิ่นตัวแล้ว ยังจะส่งผลต่อกลิ่นปัสสาวะด้วย
4. ปัสสาวะมีกลิ่นแสบ กลิ่นฉุน ดูแลตัวเองแบบไหนดี ?
ถึงตอนนี้คุณคงเห็นภาพแล้วว่า กลิ่นฉุน กลิ่นปัสสาวะบอกอะไรได้บ้าง ซึ่งนอกจากการดูแลตัวเองด้วยการดื่มน้ำอย่างเพียงพอ และกินโปรตีนในปริมาณพอเหมาะแล้ว การบำรุงร่างกายด้วยสมุนไพรธรรมชาติอย่าง UHERBAL ที่มีพฤกษเคมีบริสุทธิ์นานาชนิด จะช่วยขับของเสีย ดูแลทางเดินปัสสาวะ และฟื้นฟูตับไตได้อย่างดี ไม่ต้องทนกับกลิ่นฉี่ฉุนอีกต่อไป
5. สรุป
ปัสสาวะมีกลิ่นฉุน อาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติชั่วคราว เช่น ขาดน้ำ, กินโปรตีนเยอะ, กินยาบางชนิด หรืออาจเป็นเพราะตับไตมีปัญหาก็ได้ ซึ่งควรสังเกตอาการอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด หากไม่แน่ใจควรรีบพบแพทย์ทันที
บทความแนะนำ
สัญญาณเตือน สีปัสสาวะบอกโรค ได้จริงหรือไม่ ? แต่ละสีบอกถึงโรคอะไรบ้าง ? บทความนี้มีคำตอบ